Transformers: The Last Knight จะจุดโฟกัสไปที่ ออพตำหนิมัส พงม์ ออโต้บอตส์ที่กำลังกลับไปยังดาวบ้านเกิดอย่าง ดาวไซเบอร์ตรอน รวมทั้งพบว่าดาวของตัวเองได้ถูกทำลายลง ซึ่งเขานั้นก็มีส่วนที่ทำให้ดาวถูกทำลายด้วย เพื่อจะทำให้ดาวของเขากลับมาปกติสุขได้นั้นออพตำหนิมัส พงม์ ต้องตามหาวัตถุชิ้นหนึ่งที่อยู่บนโลกมนุษย์ รวมทั้งวัตถุที่ว่านั้นก็เกี่ยวเนื่องไปถึง “เมอร์ลิน” พ่อมดในตำนานสมัยกษัตริย์อาคุณร์ด้วย แต่ออพตำหนิมัสเสียท่า กระทั่งถูก“ผู้ผลิต” (ควินเทชชั่น เผ่าพันธุ์ผู้ทรงภูเขาไม่ จุดกำเนิดทรานฟอร์เมอร์ส ตามฉบับการ์ตูน) ทำให้แปลงเป็นศัตรูของเหล่ามนุษย์ไป ทรานฟอร์เมอร์ 5
ดูเหมือนกับว่าพลังคาถามากมายที่ เมอร์ลิน ได้รับนั้นมีที่มาจาก ทรานสฟอร์เมอร์ส รวมทั้งพลังนั้นก็สิงสถิตอยู่ในวัตถุชิ้นนั้นนั่นเอง แม้เราจะยังไม่ทราบเนื้อหากระจ่างแจ้งนัก แต่มีการคาดการณ์ว่า วัตถุที่ว่านั้นอาจเกี่ยวเนื่องกับ “กระบี่เอ็กซ์ติดอยู่ลิเบอร์” ของกษัตริย์อาคุณร์อีกด้วย
แต่ทว่าโลกในตอนนี้ กลุ่มมนุษย์ได้ตั้ง “กองกำลังทหาร TRF” ขึ้นมาตามล่ารวมทั้งทำลายเหล่าทรานส์ฟอร์เมอร์ ด้วยเทคโนโลยีทั้งหุ่นยนต์รวมทั้งโดรนที่ต่อยอดจากการศึกษาค้นคว้าวิจัยซากเหล่าชาวไซเบอร์ตรอนที่ตายในสงครามคราวก่อนๆแถมโลกเองก็อยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่เต็มที ทำให้เคด เยเกอร์ (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) แปลงเป็นบุคคลดวงกุดที่ถูกตามล่าโดยข้างทหารรับจ้าง ในฐานะวัตถุประสงค์สำคัญจากการที่เขาเข้ามาเป็นพวกกับออโตบ็อต รวมทั้งได้เข้าช่วยเหลืออิซาเบลลา (อิซาเบลา โมเนอร์) กระทั่งทำให้เขาจะต้องเดินทางไปยังอังกฤษ เพื่อสืบเสาะหาต้นตอของเรื่องราวทั้งปวง
Transformers: The Last Knight จะมีการผูกเอาการราวของกลุ่มอัศวินโต๊ะกลม รวมทั้งทีมสร้างยังระบุว่า นี่จะเป็นจุดเริ่มแรกของสงครามจักรกลบนโลกที่ใช้เวลาสร้างอีกช้านานตั้งแต่นี้เป็นต้นไปหลายสิบปี รวมทั้งยังมีเนื้อหาแยกย่อยที่กำลังจะตามมา โดยยึดเอาเค้าโครงเส้นประเด็นนี้เป็นหลัก ซึ่งแม้กระทั้งตัวของ ไมเคิล เบย์ ก็ออกมาเห็นด้วยว่าภาคก่อนหน้าอย่าง Transformers: Age of Extinction ก็ไม่ได้เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ในส่วนของเนื้อหา ที่จะต้องปูบทยบาทใหม่ในจักรวาลเดิม รวมไปถึงการหาจุดเชื่อมโยง ราวกับเป็นการหยั่งเสียงมากกว่า