พิมรี่พาย เข้าแจ้งความ บก.ปคบ. หลังถูกคนอ้างเป็นแพทย์สมัครงาน-ทำงานที่คลินิก เผยไม่นิ่งนอนใจ อยู่ระหว่างรวบรวมเคสที่แพทย์ปลอมนี้ทำ-รวบรวมพยานหลักฐาน ยันรับผิดชอบทุกอย่าง พร้อมขอโทษแพทย์ตัวจริงที่ทำให้เสียหาย และขอโทษลูกค้าที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 16 เดือนธันวาคม น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือ พิมรี่พาย แม่ค้าออนไลน์โด่งดัง พร้อม นายดงษ์พันธ์ เล้าทอง ทนายความ เดินทางเข้าหา พันตำรวจโทมนสิช ชุนดี รอง ผกก.(สอบสวน)​ กิโลกรัม4 บก.ปคบ. เพื่อแจ้งเหตุฟ้องร้องคดีกับผู้ที่แอบอ้างเป็นแพทย์เสริมความสวยสดงดงาม มาสมัครงานที่สถานพยาบาล EST CUTE CLINIC (อิส คิวท์ สถานพยาบาล)​ โดยนำหลักฐานจากแพทยที่ประชุมรวมทั้งสำเนาบัตรประชาชน ซึ่งเป็นชื่อของแพทย์ตัวจริงมาแอบอ้าง
น.ส.พิมรดาภรณ์ กล่าวว่า วันนี้มาแจ้งเหตุร้องเรียนกรณีที่ตนถูกบุคคลแอบอ้างเป็นแพทย์ มาสมัครงานที่สถานพยาบาลโดยใช้ใบประกอบวิชาชีพแพทย์รวมทั้งสำเนาบัตรประชาชนของแพทย์ตัวจริง ซึ่งทั้งในวันที่มาสมัครงาน รวมทั้งระหว่างที่กำลังทำงาน แพทย์ตัวปลอมคนนี้ได้ใส่แมสก์ปกปิดบริเวณใบหน้า ใช้ผ้าที่มีไว้สำหรับคลุมหัว แต่งตัวมิดชิด ดำเนินการเป็นครั้งคราว ไม่ได้เป็นพนักงานประจำ

จนตราบเท่าวันนี้ เวลาราวๆ 17.00 น. แพทย์ตัวจริงได้เข้ามาแสดงตัวว่าอยู่ต่างประเทศ และไม่เคยดำเนินการที่สถานพยาบาลของตัวเอง ตอนต้นก็ตกอกตกใจว่าเป็นไปได้เช่นไร จึงให้ทีมงานสำรวจจนถึงความแตก เพราะติดต่อผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นแพทย์ไม่ได้ ปรากฎว่าปิดเครื่อง

หลังทราบเรื่องก็ได้มีการสำรวจแพทย์สถานที่สำหรับทำงานให้สถานพยาบาล พบว่าแพทย์ปลอมมีคนนี้เพียงผู้เดียว​ ตนจึงมาแจ้งเหตุ เพราะนอนใจไม่ได้ รวมทั้งกำลังเก็บเคสต่างๆที่แพทย์ปลอมรายนี้กระทำการรักษาให้กับลูกค้า เพื่อเก็บเป็นพยานหลักฐานให้แก่เจ้าหน้าที่สอบสวน ขอรับรองว่าจะรับผิดชอบทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านี้ จะทำหนังสือรวมทั้งกราบขอโทษแพทย์ตัวจริงที่ทำให้เสียหาย รวมทั้งขอโทษลูกค้าที่มีเรื่องอย่างงี้เกิดขึ้น

เมื่อผู้รายงานข่าวถามว่า บุคคลที่แอบอ้างเป็นแพทย์รายนี้ มีการทำเคสให้ลูกค้าแล้วเกิดปัญหาขึ้นหรือเปล่า พิมรี่พาย กล่าวว่า ในการสมัครงาน แพทย์ปลอมรายนี้อ้างว่าดำเนินการกับสถานพยาบาลทุกๆที่ ที่โด่งดัง ตนก็ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าแอบอ้างสถานพยาบาลใหญ่ๆหลายที่ขนาดนี้ ทำให้พวกเรารู้สึกหลงเชื่อ ตลอดเวลาก่อนหน้านี้ ก็มีการแอบอ้างว่าติดเคสตรงนั้นที่นี่ขอเข้าสาย ส่วนตัวตนเชื่อว่ามีการสวมชื่อแพทย์คนนี้มานานแล้ว รวมทั้งมีการไปหลอกที่สถานพยาบาลอื่นๆด้วย เพราะมีการแอบอ้างสถานพยาบาลอื่นๆเยอะแยะ

เมื่อถามว่าเป็นการดิสเครดิตทางธุรกิจหรือเปล่า พิมรี่พาย ตอบว่า ตนไม่คิดโทษผู้ใด เป็นเรื่องของตนเองที่จะต้องรับผิดชอบแทนลูกน้องทั้งปวง ในฐานะที่พวกเราเป็นพิมรี่พาย จะปล่อยให้ลูกค้าโดนทำอย่างงี้ไม่ได้

เวลาที่ นายดงษ์พันธ์ ทนายความ กล่าวว่า ตอนนี้กำลังรวมหลักฐานทั้งปวง ส่วนการฟ้องร้องคดีทุกข้อหาถ้ามีพยานหลักฐานใดที่ปรากฎทั้งการใช้เอกสารปลอม ฉ้อฉลหรือการแสดงเป็นบุคคลอื่นก็จะฟ้องร้องคดีโดยชอบด้วยกฎหมายทั้งปวง

ด้าน พันตำรวจโทมนสิช กล่าวว่า วันนี้ได้รับการประสานงานจากทางทนายความของคุณพิมรี่พาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ชี้แนะไปว่าให้ท่านพิมรี่พายไปให้ให้กลับไปเก็บเอกสารรวมทั้งเช็กเนื้อหาเกี่ยวกับแพทย์ปลอมคนนี้ ว่ามีผู้เดียวหรือเปล่า ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลา ซึ่งเอกสารที่ตำรวจให้ท่านพี่พิมรี่พายกลับไปเก็บเสริมเติมในคืนนี้เป็นรายนามลูกค้าที่ได้เข้ารับบริการกับแพทย์ปลอมคนนี้

พันตำรวจโทมนสิช กล่าวต่อไปว่า ผู้เสียหายในคดีนี้แบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนที่ 1เป็นสถานพยาบาลซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการ ส่วนที่ 2เป็นผู้เสียหายที่เป็นคุณแพทย์ตัวจริง ที่ถูกนำเอกสารใบประกอบวิชาชีพมาแอบอ้างปลอมตัว ซึ่งทราบดีว่าตอนนี้ตัวแพทย์อยู่ที่ต่างประเทศ รวมทั้งส่วนที่ 3เป็นตัวลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ

เคสรูปแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเคสร้ายแรง ก็แค่ไม่ค่อยเป็นข่าว โดยผู้ต้องหาจะเลือกตัวแพทย์ที่มีรูปร่างหน้าตารวมทั้งลักษณะใกล้เคียงกัน รวมทั้งยิ่งอยู่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด จึงจะต้องปิดหน้าด้วยแมสก์ยิ่งยากต่อการสำรวจ ในส่วนของข้อหาหลักที่ผู้ต้องหาจึงควรถูกฟ้องร้องคดี 1.ประกอบวิชาชีพเวชศาสตร์โดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ฉ้อฉลโดยการแสดงตนเป็นผู้อื่น ในส่วนอีกข้อจึงควรไปดูก่อนที่จะมาของเอกสารนั้นมาได้เช่นไร

“อยากฝากเตือนไปยังผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาล ควรมีการถอดแมสเทียบเคียงหน้าตอนมาสมัครงาน หรือสำรวจไปยังเว็บไซต์แพทย์ที่ประชุม รวมทั้งเช็กข้อมูลทางอินเตอร์ว่ารายนามผู้มาสมัครเคยเป็นข่าวมาหรือเปล่า” พันตำรวจโทมนสิช กล่าวทิ้งท้าย