อตาลันต้า อยู่ในสนามที่ค่อนข้างจะฟูลทีมขาดเพียงแค่ ฮันส์ ฮาเตบัวร์ ดินแดนกลาง มาร์เทน เดอ รูน, เรโม ฟรอยเลอร์, โรบิน โกเซนส์ พร้อมลงไปในสนามพร้อม คู่แนวรุก ดูวาน ซาปาต้า ประสานงาน หลุยส์ มูเรียล

ทางฝั่งเรอัล มาดริด เผชิญปัญหาอาการบาดเจ็บอื้อ เกมนี้ สามดินแดนกลางยังคงใช้ โทนี วัวรส, คาเซมิโร รวมทั้ง ลูก้า โมดริช ช่วงเวลาที่แนวรุก มาร์โก อเซนซิโอ ประสานงาน วินิซิอุส จูเนียร์ ขอบเส้น โดยเกมนี้ อิสโก้ กลับมาลงไปในสนามเป็นตัวจริงในตำแหน่งแนวรุกตัวกลาง

ผลปรากฏว่า เริ่มเกมมาถึงนาทีที่ 17 อตาลันต้า เหลือ 10 คน วินิซิอุส จูเนียร์ ดีดมาให้ แฟร์กล็องด์ เมนดี้ สัมผัสบอลกำลังจะเข้าจุดโทษก่อนที่จะโดน เรโม่ ฟรอยเลอร์ กระแทกล้มลงไป ผู้ตัดสินวิ่งมาควักใบแดงไล่มิดฟิลด์เจ้าถิ่นออกจากสนาม

นาทีที่ 38 เรอัล มาดริด ได้โอกาสจากจังหวะยิงไกลของ ลูก้า โมดริช แต่ว่าบอลเหินผ่านคานออกไป

ช่วงทดเวลาครึ่งแรก ราชันชุดขาว พลาดโอกาสทองคำ โทนี่ วัวรส เปิดเข้าทาง กาเซมีโร่ โขกเต็มๆแต่ว่าโดน ปิเครื่องปรับอากาศลุยจิ กอลลินี่ เซฟเอาไว้ได้อย่างโชคร้าย

ครึ่งหลังผ่านไป 3 นาที ทีมเยี่ยมลุยมาทาง มาร์โก อาเซนซีโอ ที่ไหลมาให้ ลูก้า โมดริช สับไกเน้นๆแต่ว่ามีตัวมาบล็อกออกไปได้นิดนึง

เรอัล มาดริ ที่คนมากยิ่งกว่าเพียรพยายามบุกหนัก แต่ว่าแทบจะไม่มีช่องทางชัดเจนเลย นาที 72 มาร์โก อาเซนซีโอ ยิงไกลแต่ว่าก็ตรงตัว ปิเครื่องปรับอากาศลุยจิ กอลลินี่

แต่ว่านาทีที่ 86 ทีมเยี่ยมได้เฮจากเตะมุมสั้นมาที่ ลูก้า โมดริช ไหลมาประตู แฟร์กล็องด์ เมนดี้ แต่งแล้วยิงด้วยขวาบอลพุ่งแทงมุมสะอาด

จบเกม เรอัล มาดริด บุกชนะ อตาลันต้า 1-0 ในครั้งแรก ส่วนเกมลำดับที่สองจะลงไปในสนามวันที่ 16 มีนาคม

ด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาเอาชนะ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค 2-0 กุมการได้เปรียบก่อนกลับไปเล่นนัดที่ 2 ที่สนามเอตำหนิฮัด สเตเดียม ในวันที่ 16 มีนาคมนี้