เรื่องย่อ:
จากรายการผีมีชื่อของประเทศไทย จนมาสู่การเป็นภาพยนตร์แนว Found Footage สยองขวัญเรื่องแรกของประเทศไทยอย่าง “มือปราบสัมภเวสี” ผลงานภาพยนตร์เรื่องปัจจุบันจากค่ายกันตนา โมชั่น พิคเจอร์ส และผู้กำกับของ ชยัญ ฤทธิ์จตุพร ที่นำเรื่องราวสุดสยดสยองที่ไม่เคยถูกเปิดเผยในรายการมาทำเป็นภาพยนตร์ ซึ่งเล่าของ “ก้อนอิฐ” และ “ปอ” ทีมงานรายการมือปราบสัมภเวสี ที่ได้รับโปรเจ็คงานให้มาเก็บข้อมูลและถ่ายทำรายการผีที่บ้านของครตคอบห้องครัวหนึ่ง ที่เชื่อว่าบุตรสาวที่ฆ่าตัวตายด้วยการห้อยคอโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุนั้นยังวนเวียนอยู่ในบ้านข้างหลังนี้ โดยในขณะที่ทั้งสองกำลังถ่ายทำกันอยู่นั้นกลับจะต้องเจอกับสถานะการณ์สุดหลอนเยอะมาก และพวกเขาเองก็ไม่อาจหลบหลีกได้
———-
*ภาพยนตร์ในต้นแบบ Found Footage เป็นภาพยนตร์ที่พรีเซ็นท์เรื่องราวผ่านต้นแบบมุมมองบุคคลที่ 1 (First-Person Perspective) ที่ให้ความรู้ความเข้าใจสึกราวกับผู้ชมได้กลายเป็นนักแสดงในเรื่องไปโดยปริยาย มือปราบสัมภเวสี
ความคิดเห็นโดยส่วนตัว
สิ่งสะดุดตาและเป็นสิ่งที่ผมพอใจสูงที่สุดของภาพยนตร์ “มือปราบสัมภเวสี” ก็คือ “บรรยากาศ” และ “ความน่าสยดสยอง” ซึ่งทำออกมาได้เข้าถึงในชนิดที่เรียกว่าเอาอยู่เลย หนังไต่ระดับน่าสยดสยองและเพิ่มความน่าสงสัยของเรื่องราวได้ดิบได้ดี จังหวะการปรากฏตัวของสื่งที่เรามองไม่เห็นทำได้พอดีและมีปริมาณที่ไม่มากไม่น้อยเหลือเกิน ในส่วนของการถ่ายภาพในต้นแบบ “Found Footage” ก็ทำออกมาได้เสมอกันหนังต่างแดน กล่าวคือ หนังสามารถใช้ส่วนประกอบเฉพาะที่ตรงนี้สำหรับการสร้างความต้องการอยากจะรู้ให้กับผู้ชมได้ และในระหว่างที่รับชม ภาพเคลื่อนไหวของหนังก็มิได้สร้างความมึนหัวหนักถึงกับขนาดร้ายแรงราวกับหนังเรื่องอื่นๆที่มีต้นแบบการนำเสนอในลักษณะเดียวกัน นอกเหนือจากนั้น งานตัดต่อและงานลำดับภาพของหนังก็ทำออกมาได้อย่างพอดี สิ่งกลุ่มนี้นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้หนังมีความน่าสนใจและสร้างความน่าสยดสยองให้กับผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม
ในส่วนอื่นๆที่ผมมีความรู้สึกว่ายังไม่สะดุดตาเท่าไหร่ก็คือ เรื่องของ “บท” และ “ความสมจริงสมจัง” ของหนัง กล่าวคือผมมีความรู้สึกว่าการต่อบทและอารมณ์ของนักแสดงมีการเตรียมไว้แล้วว่าจะต้องบอกหรือจะต้องแสดงอาการตามสิ่งที่กำหนดไว้ ซึ่งจุดนี้มันดันไปลดความยุติธรรมชาติของหนังลง ถึงแม้ว่าต้นแบบการถ่ายทำมันน่าจะย้ำความยุติธรรมชาติเป็นหลัก ผมแอบเสียดายที่หนังแปลงจุดการโฟกัสจากเรื่องราวการเก็บข้อมูลบ้านของครอบครัวที่บุตรสาวฆ่าตัวตาย ซึ่งหนังสร้างบรรยากาศและความน่าสยดสยองไว้ดีมากในตอนต้นถึงกึ่งกลางเรื่อง แล้วดันมาโฟกัสกับสถานะการณ์ประหลาดที่เกิดสังกัดนักแสดงในตอนท้ายเรื่อง ถึงแม้เรื่องราวจะมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน แต่ว่าแต่กระนั้น ผมคิดว่าความพีคของความน่าสยดสยองและบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจของหนังมันลดน้อยลงอย่างชัดเจน แม้กระนั้นในรูปภาพรวม ผมนับว่า “มือปราบสัมภเวสี” เป็นเยี่ยมในหนังผีที่บรรลุผลสำเร็จ เนื่องจากมันสามารถทำให้ผู้ชมกลัวไปกับบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจและอินกับเรื่องราวแปลกๆในหนังได้ดิบได้ดี