ส่วนตัวแล้วผมได้ยินมาราวๆหนึ่งถึงความนิยมในมังงะและแอนิเมชั่นเรื่อง ATTACK ON TITAN แต่ว่าแต่ภายหลังที่มีการประกาศสร้างภาพยนตร์และมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดสำคัญในหนังโดยเฉพาะความเคลื่อนไหว “สัญชาติ” ผู้แสดงจากชาวยุโรปให้กลายมาเป็นประเทศญี่ปุ่นโดยเหตุนี้ก็เลยถูกทำลงรายละเอียดของผู้แสดงและฉากหลังถูกเปลี่ยนแปลงไปพอเหมาะพอควร แต่เมื่อรายละเอียดปลีกย่อยในมังงะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่แล้ว พอๆกับว่านี่เป็นการยกเครื่องใหม่ โดยเหตุนี้การยกเอามังงะมาเทียบกับเวอร์ชั่นหนังก็มองไม่ค่อยแฟร์นัก
จุดบอดประการสำคัญในเวอร์ชั่นภาพยนตร์นั้นคือการที่หนังมีฉากหลังที่จัดได้ว่าออกจะ “สเกลใหญ่มาก” แต่ว่าเหตุเพราะทุนสำหรับการสร้างนั้นแม้จะเป็นหนังทุนสร้างสูงในประเทศประเทศญี่ปุ่นและตาม แต่ว่ามันก็ ยังไม่เพียงพอที่จะเนรมิตโลกหลังกำแพงสูงให้ออกมาให้พวกเราเห็นภาพรวมของเมืองมากยิ่งกว่าจะให้ผู้ชมมองเห็นแต่เพียงหมู่บ้านเล็กๆที่มองคล้ายกับบรรดาบ้านในภาพยนตร์จีนกำลังภายใน หรือแม้กระทั่งเมืองชั้นในที่มองผ่านๆและมิได้ให้ความรู้ความเข้าใจสึกว่ามันเป็น “เมืองจริงๆ” นอกเหนือจากนั้นการที่หนังไปเลือกโลเคชั่นสำหรับการใช้ “เกาะฮาชิมะ” อันเป็นเมืองร้างและเป็นตึกสูงที่ดูดำทะมึนน่าสยดสยอง (ที่เดียวกับที่หนังไทยเรื่องตลกขบขันชิมะโปรเจ็คไปถ่ายทำ) กลับยิ่งทำให้พวกเราไม่ค่อยเข้าใจแบบสถาปัตยกรรมในโลกของ ATTACK ON TITAN สักเท่าไหร่ (เพราะหลายสไตล์อย่างมาก) attack on titan
นอกเหนือจากนั้นการออกแบบผู้แสดงในหนังเรื่องนี้จัดได้ว่าออกจะมีความน่าเบื่อสูงมาก นอกเหนือจากนั้นตัวหนังมิได้ให้เวลาสำหรับการให้ผู้ชมได้โอกาสทำความรู้จักผู้แสดง จริงอยู่ที่พวกเราบางทีก็อาจจะได้ทราบจะเอเลนผ่านฉากที่เขาเพียรพยายามจะเชิญมิคาสะไปที่กำแพงเมืองรวมทั้งตั้งข้อซักถามถึง “โลกหลังกำแพง” สะท้อนให้เห็นว่าผู้แสดงเอเลนนั้นมีความมะทะลุ ชอบตั้งข้อซักถามและเพียรพยายามออกจากกรอบที่สังคมวางเอาไว้
แต่ทว่ายังไม่ทันจะได้เปิดหูเปิดตายักษ์ไททันในตำนานก็เผยตัวขึ้นและพังกำแพงชั้นนอกเพื่อเปิดช่องให้ไททันตัวเล็กตัวน้อยบุกเข้ามาในกำแพงเมืองและไล่กินเนื้อคนในเขตเมืองชั้นนอกซึ่งเป็นพื้นที่ทำการเกษตร ทำลายอาคารบ้านเรือน เรียกได้ว่าเป็นการรุกรานที่ฆ่าล้างบางจนมนุษย์ที่เหลือมีชีวิตรอดต้องหนีไปยังเมืองชั้นในที่เป็นเขตเศรษฐกิจ
ตัวหนังกระโดดข้ามช่วงไปสองปีเอเลนได้อยู่ในกรุ๊ปทหารที่ต้องเดินทางออกไปปราบไททันในเขตเมืองชั้นนอก เพื่อหาทางปิดช่องกำแพงเมืองเพื่อไม่ให้ไททันตัวอื่นๆบุกเขามาได้อีก ภารกิจถัดจากนี้คือการที่บรรดาผู้แสดงในหนังต้องหาทางต่อสู้และเอาตัวรอดจากยักษ์ไททัน ซึ่งตัวหนังก็เล่าออกมาได้ในแบบสูตรสำเร็จตามแนวหนังไล่เชือดผู้แสดงเป๊ะๆเพียงแต่ว่าผู้แสดงในหนังเรื่องนี้มีความงั่ง โง่ และมีความประพฤติเอาตัวรอดที่ออกจะสิ้นคิดพอกับหนังประเทศญี่ปุ่นภาคต่ออย่าง BATTLE RPYALE ภาค 2 ซึ่งเว้นแต่ผู้ชมยังเกือบจะจำชื่อจริงละครมิได้แล้ว ยังต้องการจะให้พวกเขาตายๆให้พ้นหน้าจอหนังไปไวๆเสียเชิง