หลังจาก อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ประกาศวิสัยทัศน์องค์กรใหม่ พร้อมทั้งจัดตั้งบริษัทแม่ภายใต้ชื่อ SCBX หรือ เอสซีบี เอกซ์
ช่วงวันที่ 22 เดือนกันยายน 64 ก่อนหน้าที่ผ่านมา เพื่อรีบขยายธุรกิจเชิงรุกเข้าสู่ธุรกิจการเงิน และก็แพลตฟอร์มอย่างเต็มรูปแบบ
โดยมีการยกฐานะสู่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีการเงินระดับภูมิภาคด้านในปี 2025 โดยมีเป้าหมายสร้างฐานลูกค้า 200 ล้านคน เชื่อมต่อ ecosystem อีกทั้งในและก็เมืองนอก โดย SCBX จะยังอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่ใกล้ชิดของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังนี้ กลุ่ม SCB มองว่า แนวโน้มของการเช็ดก disrupt เริ่มมาตั้งแต่เมื่อ 6 ปีกลาย และก็กระจ่างแจ้งมากในอีก 3 ปีด้านหน้า ซึ่ง SCB ได้ตั้งโจทย์และก็เพิ่มความสามารถตัวเองตลอดมา และก็เดี๋ยวนี้ก็ถึงเวลาสำคัญที่สุดในการตั้งข้อซักถามแห่งอนาคตว่า ในช่วง 3 ปีจากนี้ที่เข้มข้นที่สุด SCB จึงควรแปลงสภาพตัวเองอย่างไรจึงจะสามารถสร้างคุณค่าใหม่ให้กับผู้ถือหุ้นและก็ลูกค้า รวมถึงสามารถเติบโตไปกับโลกใหม่ได้ SCB โดยไม่กำหนดตัวเองอยู่ที่ธุรกิจธนาคารแบบดั้งเดิมอีกต่อไป
แม้กระนั้นจะต้องใช้ความแข็งแรงด้านการเงินของธุรกิจธนาคารปัจจุบันให้มีประโยชน์ รีบขยายธุรกิจเชิงรุกเข้าสู่ธุรกิจการเงินจำพวกอื่นที่ตลาดต้องการ และก็สร้างความสามารถด้านเทคโนโลยี รวมถึงการจัดการจัดแจงแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยี หรือ Technology Platform ขนาดใหญ่ให้เสมอกับคู่ปรับสุดยอด เข้าสู่สนามการแข่งขันแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยด่วนเพื่อที่จะอยู่รอดไม่เป็นอันตรายในอีก 3-5 ปีด้านหน้านี้
ทั้งผองนี้หมายถึงเหตุผลที่ SCB จะต้องเป็น SCBX เพื่อเดินหน้าธุรกิจให้มากยิ่งกว่าเป็นการธนาคาร และก็คุ้มครองปกป้องการ disrupt ในอนาคตนั่นเอง
เสนอให้ผู้ถือหุ้น SCB เดิมโยกย้ายมามีหุ้น SCBX
สำหรับกรรมวิธีการเปลี่ยนแปลงจะเริ่มจาก การเสนอให้ผู้ถือหุ้นเดิมโยกย้ายมามีหุ้น SCBX แล้วจะถอน SCB ออกมาจากตลาดหลักทรัพย์ โดยจะนำ SCBX ลงทะเบียนซื้อขายในตลาดแทน ยิ่งไปกว่านี้ยังเสนอเงินโบนัสพิเศษโดยประมาณ 70,000 ล้าน
โดยเงินปริมาณนี้โดยประมาณ 70% จะนำไปตั้งขึ้นบริษัทใหม่ รวมถึงการโยกย้ายธุรกิจ ที่เหลืออีก 30% จะเก็บไว้จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือตามฤดูธรรมดาในตอนกลางปี 65 โดยจะมีการสัมมนาเพื่อขออนุมัติโครงสร้างใหม่ในวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน 64 นี้
สิ่งหนึ่งที่น่าดึงดูดจากแผนดังกล่าวข้างต้นหมายถึงการตั้งบริษัทใหม่ การร่วมลงทุนกับในหลายๆบริษัทที่น่าดึงดูดเพื่อปูทาง Financial Technology โดยเริ่มจาก
1. AISCB หรือ เอไอเอสซีบี ซึ่งเป็นร่วมหุ้นระหว่าง AIS กับธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อให้บริการเรื่องการเงินดิจิทัล ยกตัวอย่างเช่น บริการด้านสินเชื่อ ก่อนขยายสู่บริการด้านการเงินอื่นๆต่อไป โดยมี “กวีวุฒิ เต็มภูเขาวประเสริฐ” รับตำแหน่ง Chief Executive Officer ข้างหลังเคยเป็น Head of Venture Builder บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด หรือ SCB 10X
2. Alpha X หรือ บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมหุ้นระหว่าง บริษัท ไม่ลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ MGC Group โดย Alpha X จะให้บริการเช่าซื้อ ลีสซิ่ง และก็ให้สินเชื่อรีไฟแนนซ์ สำหรับรถยนต์หรู รถจักรยานยนต์ หรือ Big Bike และก็ยานพาหนะทางน้ำ ยกตัวอย่างเช่น Yacht และก็ River Boat
3. CPG-SCB Group JV ซึ่งไทยพาณิชย์ และก็เครือเจริญรุ่งเรืองสิ่งของเครื่องใช้ ตั้งกองทุน Venture Capital ขนาด 600-800 ล้านเหรียญสหรัฐ เน้นการลงทุนใน Disruptive Technology ด้านบล็อกเชน หรือ Blockchain สินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Digital Assets เทคโนโลยีเรื่องการเงิน หรือ FinTech รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆที่มีความสามารถในการเติบโตสูงทั่วทั้งโลก
4. Auto X ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์รวมกลุ่ม Mass
5. Tech X ธุรกิจเทคโนโลยี
6. Purple Ventures ผู้ให้บริการแอปฯ Robinhood
7. Card X ธุรกิจบัตรเครดิต
8. SCB ABACUS
9. SCB Securities
10. TokenX ให้บริการโทเคนดิจิทัลแบบครบวงจร
11. monix
12. Data X ธุรกิจข้อมูลดิจิทัล
ดังนี้ ยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับธุรกิจภายใต้ปีก SCBX อีกเยอะมากๆ ซึ่งคงจะจะต้องรอข้อมูลที่เป็นทางการอีกรอบ ข้างหลังการประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีขึ้นในเดือน เดือนพฤศจิกายน 64 นี้