จับตา 5 องค์กรรัฐ ว่าที่พันธมิตร “หมอบุญ” จ่อนำเข้าไฟเซอร์ 20 ล้านโดส
วันที่ 14 เดือนกรกฎาคม 2564 กรณี แพทย์บุญ วนาสิน หรือ หมอบุญ ประธานกรรมการ บริษัท จังหวัดธนบุรี เฮลท์ห่วงใย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เผยว่าจะร่วมมือกับหน่วยงานใหญ่ของภาครัฐ เพื่อสนทนาซื้อวัคซีนจำพวก mRNA อีก 2 ยี่ห้อ
ยี่ห้อแรกจาก บริษัท ไบออนเทค บริษัทขายยาเชื้อชาติเยอรมนี ผู้พัฒนาวัคซีนปกป้องเชื้อไวรัสโควิด-19 ร่วมกับบริษัทไฟเซอร์ของอเมริกา ส่วนอีกยี่ห้อจาก บริษัท โนวาแวกซ์ อิงค์ หนึ่งในผู้สร้างวัคซีนรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ปริมาณ 20 ล้านโดส โดยจะรีบให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้ ตามที่ได้เสนอข่าวสารไปแล้วนั้น
ล่าสุด หมอบุญ ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทยว่า วันพรุ่ง (15 ก.ค.) บริษัทจะลงชื่อคำสัญญาเพื่อนำเข้าวัคซีนจากบริษัท ไบออนเทค โดยจะมีหน่วยงานราชการที่มีสิทธินำเข้าวัคซีนร่วมลงชื่อด้วย ซึ่งจะเผยชื่อภายหลังจากการลงชื่อเสร็จ
การลงชื่อวันพรุ่งจะถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายสำหรับเพื่อการการันตีปริมาณวัคซีนที่สั่งซื้อแล้วก็นำเข้า ภายหลังจากทำงานแนวทางการต่างๆมา 1 เดือนแล้ว เหลือแค่ทางสหรัฐอเมริกาเท่านั้นว่าจะอนุมัติตามที่ขอไป 20 ล้านโดส ในช่วงแรกหรือเปล่า
หลังจากนั้นคาดว่าจะใช้เวลาเพียงแต่ 1 วัน เพื่อจดทะเบียนวัคซีน เพราะเหตุว่าเป็นวัคซีนแบบเดียวกับที่บริษัทไฟเซอร์ (เมืองไทย) จำกัด ได้จดทะเบียนไว้กับอย. (อย.) สำหรับใช้ในไทยได้ในคราวฉุกเฉินแล้ว ก่อนที่จะนำเข้าได้เลยภายใน 1 อาทิตย์ โดยเครือโรงพยาบาลจังหวัดธนบุรีจะเป็นผู้กระจายวัคซีน
แม้กระนั้น หมอบุญ ไม่ยอมรับที่จะเผยชื่อหน่วยงานของรัฐที่จะเป็นผู้นำเข้า การันตีว่าหน่วยงานดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นไม่มีส่วนได้ส่วนเสียจากการเป็นผู้นำเข้าวัคซีน แล้วก็ช่วยด้วยความจริงใจ
5 หน่วยงานว่าที่ผู้สนับสนุน “หมอบุญ”
ช่วงวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ประกาศศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) เรื่อง กรรมวิธีบริหารจัดการวัคซีนปกป้องโรคโควิด-19 สาระสำคัญอยู่ที่ ข้อ 3 ที่ระบุให้ 5 หน่วยงาน ที่มีหน้าที่แล้วก็อำนาจสำหรับเพื่อการให้บริการทางด้านการแพทย์ หรือสาธารณสุข แก่ประชาชน ร่วมมือกันสำหรับเพื่อการทำงานจัดหา สั่ง หรือนำเข้าวัคซีนปกป้องโรคโควิด-19 อย่างเร่งด่วน
เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพแล้วก็มีคุณภาพอย่างรวดเร็วและก็ทั่วถึง ภายใต้กฎหมาย กฎ หรือระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวโยง หรือตามหลักเกณฑ์ที่หน่วยงานนั้นๆกำหนด
โดย 5 หน่วยงานดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ประกอบด้วย
1. กรมควบคุมโรค
2. องค์การเภสัชกรรม
3. สถาบันวัคซีนแห่งชาติ
4. สภากาชาดไทย
5. ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ หรือหน่วยงานของรัฐ
2 ตัวเลือกที่เอาออก
จนกระทั่งกำลังจะถึงวันพรุ่ง คงจะยังไม่มีข้อสรุปว่าหน่วยงานใดของภาครัฐที่ร่วมกับหมอบุญ สนทนานำเข้าวัคซีนจาก บริษัท ไบออนเทค แต่ว่าองค์การเภสัชกรรม (อภ.) น่าจะเป็นตัวเลือกแรกที่ถูกเอาออก แม้ตรึกตรองจากความไม่ลงรอยกันล่าสุดที่ อภ.แจ้งความดำเนินคดีโดยชอบด้วยกฎหมายกับหมอบุญ ในข้อกล่าวหา “หมิ่นประมาทคนอื่นๆด้วยการโฆษณา อันเป็นเหตุให้องค์การเภสัชกรรมได้รับความเสียหาย”
กรณีหมอบุญให้สัมภาษณ์เรื่องการนำเข้าวัคซีนโมเดอร์ทุ่งนาของสัมพันธ์โรงพยาบาลเอกชน โดยระบุว่า บางทีอาจต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มราวๆ 2 รอบ รอบแรกมาจาก อภ.ที่ซื้อวัคซีนจากบริษัทผู้แทน รอบที่ 2 จากโรงพยาบาลเอกชน ซื้อต่อจาก อภ.อีกรอบ บวกกับค่าบริหารจัดการอีก ซึ่งทำให้วัคซีนมีต้นทุนสูง
เวลาที่ทาง อภ.โต้ว่าเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดแล้วก็กำเนิดความเสียหาย แต่ว่า อภ.การันตีว่าไม่อาจจะเผยราคานำเข้าได้ ให้เหตุผลว่าเป็นกติกาสำหรับเพื่อการสนทนาจำหน่าย ที่ไม่ให้ทั้งยัง 2 ฝ่าย เผยราคาจำหน่ายของคู่ค้าได้
• องค์การเภสัชฯแจ้งความ “หมอบุญ-อำเภอลอย” หมิ่นประมาท เงื่อนวัคซีนโมเดอร์ทุ่งนา
• องค์การเภสัช แจงเงื่อนราคานำเข้า “วัคซีนโมเดอร์ทุ่งนา” ไม่ตรงความจริง
ประกอบกับที่หมอบุญให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทย สะท้อนปัญหาการนำเข้าวัคซีนโดยภาคเอกชนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาว่า ที่โรงพยาบาลของตนเองไม่อาจจะนำเข้าวัคซีนได้ เพราะเหตุว่าติดข้อจำกัดในคราวฉุกเฉินที่ผู้สร้างจำเป็นที่จะต้องทำข้อตกลงกับหน่วยงานราชการเท่านั้น จนกระทั่งโควิดระบาดหนักเป็นระลอกที่ 3 รัฐบาลจึงมีนโยบายวัคซีนช่องทาง เพื่อให้เอกชนมีส่วนร่วมสำหรับเพื่อการนำเข้าวัคซีนได้ หลังจากนั้นไม่นานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ก็สามารถนำเข้าวัคซีนสิโนฟาร์มได้ภายใน 2 อาทิตย์
“พวกเราจึงเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องใช้ช่องทางในลักษณะเดียวกัน โดยไม่ต้องผ่านองค์การเภสัชกรรมเพราะเหตุว่าแนวทางการช้ามาก” หมอบุญกล่าว
อีกตัวเลือกที่เอาออกเป็น ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เพราะเหตุว่าช่วงวันที่ 12 เดือนกรกฎาคมก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา หมอบุญให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ การันตีว่าหน่วยงานที่สนทนาด้วยไม่ใช่ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ไม่ใช่ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ งานเขามาก ก็ไปติดต่อหน่วยงานอื่นที่ใหญ่กว่า” หมอบุญกล่าว
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงเหลืออีก 3 หน่วยงาน ยกตัวอย่างเช่น กรมควบคุมโรค สถาบันวัคซีนแห่งชาติ แล้วก็สภากาชาดไทย ในปริมาณนี้มี 2 หน่วยงานที่เพิ่งมีข่าวสารเกี่ยวกับวัคซีนโควิด ยกตัวอย่างเช่น กรมควบคุมโรค แล้วก็สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ซึ่งล่าสุดทางสำนักงานอัยการสูงสุดอ้างถึง ระบุว่าเป็นหน่วยงานที่ส่งคำขอความช่วยเหลือให้ตรวจร่างสัญญาจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า
อีกหนึ่งหน่วยงานเป็น สภากาชาดไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามีการให้บริการฉีดวัคซีนผ่านโรงพยาบาลจุฬาลงแขนณ์เท่านั้น
แม้กระนั้น วันพรุ่งจึงจะรู้คำตอบแน่ชัด
• อัยการสูงสุด ยังมิได้ร่างสัญญาซื้อโมเดอร์ทุ่งนา กระทั่งถึง 1 วันเสร็จ